เครื่องตัดพลาสม่า
กระบวนการของ เครื่องตัดพลาสม่า สามารถใช้ตัดวัสดุที่นำไฟฟ้าได้ แทบทุกชนิด เช่น เหล็ก สแตนเลส อลูมิเนียม ทองเหลือง และทองแดง เหมาะสำหรับใช้ในงานโรงงาน เชื่อมประกอบโลหะ อู่ซ่อมรถ งานโครงสร้างขณะใหญ่ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อู่ต่อเรือ หรือแม้กระทั่งงานที่เกี่ยวกับขายของเก่า หรือวัสดุรีไซเคิล ด้วยความไวในการตัด และการทำงานที่แม่นยำ อีกทั้งใช้งานร่วมกับปั้มลม ซึ่งการลงทุนไม่ได้สูงนัก และยังสามารถขยายการทำงานในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช่งานร่วมกับเครื่อง CNC ได้อีกด้วย หรือจะใช้ทำอดิเรกที่บ้านของท่านก็เหมาะไม่แพ้กัน
สารบัญ
Table of Contents
การทำงานของเครื่องตัดพลาสม่า
คือ การเปลี่ยนจากกระแสไฟทำให้เกิดความร้อนที่สูงมาก โดยกระแสไฟเริ่มจากเครื่องตัดพลาสม่าส่งกระแสและลมผ่านปืนหัวตัดพลาสม่า ทะลุผ่านชิ้นงานเพื่อทำให้ชิ้นงานละลาย และใช้ลมเป่าชิ้นงานขาดออกจากกัน วิ่งกลับเข้าสู่เครื่องผ่านทางคีมคีบสายดินที่หนีบกับชิ้นงานไว้ โดยลมที่ใช้ อาจจะเป็นลม ออกซิเจน หรือแก๊สเฉื่อย ขึ้นอยู่กับชนิดของชิ้นงาน ชิ้นงานที่เหมาะสมกับการตัดควรเป็นลักษณะแผ่น ระดับความหนาสูงสุดอาจจะหนาได้ถึง 38mm ขึ้นอยู่กับกระแสไฟของขนาดเครื่อง
โดยเครื่องที่มีขนาดเล็ก เช่น CUT40 จะใช้หัวตัดรุ่น PT31 ที่มีขนาดเล็ก ทำให้แผลที่ตัดได้จะมีขนาดเล็กและคมกว่าเมื่อใช้ตัดชิ้นงานลักษณะบาง แต่จะไม่เหมาะเมื่อต้องตัดในชิ้นงานที่หนาเกิน 6 มิลขึ้นไป หัวตัดรุ่น SG51 เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองหัวตัดมากกว่าจะเหมาะกับชิ้นงานที่หนาขึ้นแต่ไม่เกิน 12 มิล
เครื่องตัวใหญ่ เช่น CUT60 PILOT ขึ้นไป จะใช้หัวตัดรุ่น P80 ซึ่งมีหัวตัดที่หนากว่าทนความร้อนและนำกระแสได้ดีกว่า ซึ่งเหมาะกับเหล็กที่หนากว่า แต่ก็จำให้แผลตัดมีขนาดใหญ่กว่าหัวตัด PT31 และ SG51 เล็กน้อย และราคาของชุดหัวตัดก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ขนาดของปั้มลมที่แนะนำ ควรมีขนาดไม่ต่ำกว่า 120 ลิตร มอเตอร์ขนาด 1-2 แรงม้า หรือ ถ้าเป็นปั้มลมแบบโรตารี่ ควรใช้ขนาดมอเตอร์ 3-4 แรงขึ้นไป เนื่องจากในการตัดจะต้องตั้งแรงดันลมที่ Air Regulator ประมาณ 5 บาร์ ซึ่งการตั้งลมที่น้อยกว่านี้อาจจะทำให้ไม่สามารถเป่าชิ้นงานให้ขาดออกจากกัน หรือถ้าใช้ปั้มลมที่มีขนาดเล็กเกินไปแผลที่ตัดอาจจะเกิดการขาดช่วง ซึ่งเกิดจากการสะดุดของลมเมื่อลมหมดถังและปั้มทำงานไม่ทัน


ควรเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันแบบไหน ?
- ควรเลือกใช้หน้ากากที่มีกระจกสีเขียวป้องกันอันตรายจากดวงตา ที่ระดับประมาณ shade #5 ANSI ขึ้นไป
การใชังานร่วมกับ CNC
การทำงานร่วมกับของ CNC จะใช้มีระบบ PILOT ARC ซึ่งเครื่อง CUT60 PILOT ขึ้นไป จะมีระบบนี้เป็นการยิงความถี่ของการอาร์คส่งไปถึงชิ้นงานโดยตัวหัวตัดพลาสม่า ไม่ต้องสัมผัสกับชิ้นงานโดยตรงซึ่งทำให้ไม่เกิดการสะดุดหากพื้นผิวชิ้นงานไม่เรียบ เหล็กมีคราบสนิม หรือเหล็กที่มีสีทาฉาบผิวไว้
จนเมื่อเหล็กเริ่มละลายแล้ว ตัว PILOT ARC จะหยุดการทำงานเองอัตโนมัติ ซึ่งการใช้งานของจะต้องเปลี่ยนหัวตัดพลาสม่าเป็นแบบตรง เพื่อให้ยึดกับแท่นเครื่อง CNC ได้ โดยเครื่องจะทำงานต่อเนื่องที่ DUTY CYCLE 100% นั่นหมายความว่า ความหนาของชิ้นงานเมื่อใช้เครื่อง CNC จะตัดได้บางกว่าใช้คนตัดประมาณ 10mm นั่นเอง

ซึ่งแผลของชิ้นงานที่ได้อาจจะไม่สวยงามเท่าการตัดด้วย LASER แต่ใช้การลงทุนที่ต่ำกว่า และสวยกว่าการตัดด้วยแก๊ส
เครื่องตัดพลาสม่า ราคา
หลักๆลูกค้าต้องคำนึงถึง ความหนาของชิ้นงานที่จะใช้ในการตัด ใช้คน หรือใช้ CNC ตัด ตามที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น ซึ่งเครื่องขนาดเล็กที่สุด จะเป็นรุ่น CUT40 ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 10,000 บาท ตัดเหล็กสวยอยู่ที่ไม่เกิน 10mm แต่ถ้านำไปใช้ตัดวัสดุชนิดอื่น อย่างเช่น สแตนเลสความหนาที่ตัดได้อาจจะลดลง 3-4mm ขึ้นอยู่กับการนำไฟฟ้า และลักษณะพื้นผิวของวัสดุแต่ละชนิดอีกด้วย ซึ่งรุ่นที่หใญ่ขึ้นก็จะตัดชิ้นงานได้หนาขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงระบบไฟที่ใช้งาน เช่น ไฟบ้าน220V หรือไฟ3เฟส 380V อีกด้วย
เครื่องตัดพลาสม่า ยี่ห้อไหนดี
เครื่องแต่ละตัวจะมี nameplate ซึ่งบ่งบอกกระแสการทำงานของ duty cycle ต่างๆ กัน
เป็นการเช็คคุณภาพเบื้องต้นว่า เราได้รับเครื่องที่เต็มกำลัง คุ้มกับเงินที่จ่ายไปมั้ย
หากท่านยังไม่มีตัวเลือกในใจ เราขอแนะนำ เครื่องตัดพลาสม่า RILON ที่ให้กำลังแบบจัดเต็มในทุกๆ รุ่น แบบไม่มีหมกเม็ด
อุปกรณ์ภายในถูกออกแบบมาเหมาะสภาพอากาศร้อนของเมืองไทย เช่น capacitor ที่ 105 องศา ตัว MOSFETs สำหรับใช้งานตามบ้าน
ซึ่งสามารถใช้งานได้แม้ ในบางพื้นที่มีปัญหาเรื่องกระแสไฟตก หรือ IGBT MODULE สำหรับงาน HEAVY DUTY ในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่
มีระบบ OC ตัดไฟอัตโนมัติ เมื่อเกิดการลัดวงจร หรือ ความร้อนที่สูง และระบบการแจ้งเตือนหากลมตัดไม่เพียงพอ เครื่องจะหยุดการทำงานอัตโนมัติ
เพื่อป้องการการเสียหายของตัวเครื่อง ทุกรุ่นรับประกันสินค้า 2ปีเต็ม
เครื่องตัดพลาสม่า มือสอง
ทางบริษัทเรา ไม่แนะนำให้ใช้ เครื่องมือสอง เพราะ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเครื่องได้ผ่านการใช้งานมาขนาดไหน วัสดุภายในเป็นวงอิเล็กโทรนิคซึ่งอุปกรณ์แต่ละชนิดมีอายุการใช้งานของมัน ควรเลือกซื้อเครื่องตัดใหม่ดีกว่า มีการรับกันสินค้า และราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก
สรุป
วิธีการเลือกให้ดูที่ขนาดความหนาของชิ้นงานเป็นหลัก วัสดุที่ใช้แต่ละชนิดความหนาที่ตัดได้อาจจะไม่เท่ากัน ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น รวมถึงระบบไฟที่เลือกใช้ 220V หรือ 380V